ตัวอย่างของโลก – จีนฟื้นฟูปรับปรุงทะเลทรายคู่ปู้ฉีให้เปลี่ยนเป็นพื้นที่สีเขียว (1)

2018-12-11 11:40:22 | CRI
Share with:

圖片默認標題_fororder_20181211-kuq-1

ถ้าหากมีใครว่า ในประเทศจีนมีทะเลทรายที่รกร้างว่างเปล่าแห่งหนึ่ง สร้างรายได้ 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้กับประชาชนท้องถิ่นในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา  จะมีใครเชื่อหรือไม่ 

จีนเป็นหนึ่งของประเทศที่มีพื้นที่ทะเลทรายค่อนข้างมาก รวมแล้วมีประมาณ 1.3 ล้านตารางกิโลเมตร ครองสัดส่วน 13% ของพื้นที่ทางบกทั่วประเทศจีน  ทะเลทรายขนาดใหญ่มี 13 แห่ง เช่น ถ่าเค่อลาหม่ากัน กู่เอ่อปันทง ปาตันจีหลิน เถิงเก๋อหลี่ และคู่ปู้ฉี เป็นต้น

การออกเสียงของชื่อทะเลทรายดังกล่าวฟังแล้วไมค่อยเหมือนภาษาจีน เพราะส่วนใหญ่เป็นการออกเสียงตามภาษามองโกล ซึ่งทะเลทรายส่วนใหญ่อยู่ทางตอนเหนือและตะวันตกของจีน  ทะเลทรายคู่ปู้ฉี เมืองเอ่อร์ตัวซือ เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ตั้งอยู่ทางเหนือของที่ราบสูงเออร์โดส ฝั่งใต้แม่น้ำเหลือง ทางตอนเหนือของจีนเช่นกัน มีพื้นที่ 18,600 ตารางกิโลเมตร และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 7 ของจีน เป็นทะเลทรายที่อยู่ใกล้ที่สุดกับกรุงปักกิ่ง ระยะทางเพียงประมาณ 800 กิโลเมตร

แต่ก่อน ทะเลทรายแห่งนี้อยู่ในสภาพรกร้างว่างเปล่า มีลมทรายซัดกระหน่ำ ระบบนิเวศเลวร้ายมาก นักภูมิศาสตร์จีนตั้งชื่อเล่นให้ว่า “ทรายจานหนึ่งที่วางอยู่ข้างบนกรุงปักกิ่ง” และเคยเป็นแหล่งกำเนิดสำคัญของฝุ่นละอองทางภาคเหนือจีน แต่ปัจจุบัน ทะเลทรายคู่ปู้ฉีกลายเป็นทะเลทรายที่ได้รับการฟื้นฟูปรับปรุงให้เป็นพื้นที่สีเขียวแห่งเดียวของโลก สำนักงานสหประชาชาติกำหนดเขตนี้เป็น “เขตสาธิตการพัฒนาเศรษฐกิจระบบนิเวศทะเลทรายทั่วโลก”

圖片默認標題_fororder_20181211-kuq-2

เดือนสิงหาคมเป็นช่วงฤดูร้อนของจีน เมื่อเดินทางเข้าสู่บริเวณอุทยานทะเลทรายแห่งชาติคู่ปู้ฉีเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน สิ่งที่มองเห็นคือต้นไม้ต้นหญ้าสีเขียวเต็มไปหมด มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาเข้าพัก โรงแรมโลตัสและโรงแรมทะเลสาบดาว 7 ดวง ห้องพักโรงแรมต้องจองไว้ล่วงหน้าหลายเดือนจึงจะได้  เด็กๆ ยังสามารถว่ายน้ำและเล่นน้ำด้วยความสนุกสนานท่ามกลางทะเลทราย ทำให้ผู้คนหลงใหลและลืมว่า หลายสิบปีก่อน ที่นี่ยังเป็นเขตรกร้างว่างเปล่าและถูกเม็ดทรายครอบคลุมไปหมด

เมื่อเดินทางเข้าลึกทะเลทรายคู่ปู้ฉี จะไม่เห็นภาพทะเลทรายพื้นที่กว้างใหญ่เหมือนดูจากหนัง ในสายตามีแต่ภาพวิวสวยงามที่มีต้นไม้พืชหญ้าชนิดต่างๆ เช่น ต้นไม้ฮัวป้าง ซาหลิ่ว หนิงเถียว เป็นต้น ทำให้ผู้คนลืมไปว่ากำลังอยู่ท่ามกลางทะเลทราย หลังจากที่รัฐบาลรณรงค์ประชาชนท้องถิ่นให้ดำเนินโครงการฟื้นฟูปรับปรุงให้เปลี่ยนเป็นพื้นที่สีเขียวเป็นเวลาประมาณ 50 ปี ปัจจุบันกลายเป็นตัวอย่างการควบคุมทะเลทรายของโลก และเป็นหน้าต่างที่มองดูจีนที่สวยงามของชาวโลก 

圖片默認標題_fororder_20181211-kuq-3

เมื่อการสถาปนาจีนใหม่ในปี 1949  ทะเลทรายคู่ปู้ฉีเกือบเป็นเขตที่ไม่น่าอยู่สำหรับมนุษย์ ชาวท้องถิ่นแต่งเพลงพื้นบ้านที่มีเนื้อหาว่า “ชาวคู่ปู้ฉีแสนเหนื่อย แสนยากลำบาก เด็กไม่มีโอกาสอ่านหนังสือ เข้าและออกทะเลทราย ไม่มีน้ำไม่มีไฟ ยิ่งไม่มีอนาคต ” เวลานั้น พื้นที่ทะเลทรายยังคงขยายวงสู่ฝั่งแม่น้ำเหลืองด้วยความเร็วหลายสิบเมตรต่อปีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นภัยคุมคามใหญ่หลวงต่อแม่น้ำเหลือง ที่เป็นแม่น้ำสายสำคัญอันดับ 2 ของจีน

圖片默認標題_fororder_20181211-kuq-4

นายกาว เอ่อหยูนวัย 54 ปี เป็นชาวหมู่บ้านกวันจิ่ง ตำบลเหอซีเขต ชาวมองโกลต๋าลาเท่อ ซึ่งตั้งอยู่ขอบเขตทิศใต้ทะเลทรายคู่ปู้ฉี เมื่อพูดถึงสภาพของสมัยเด็ก เขายังคงกล่าวด้วยความหวาดกลัวว่า เวลานั้นมีเม็ดทรายทุกที่ทุกแห่ง ตอนกลางคืน ถ้ามีลมแรงพัดเข้ามา จะนำทรายจำนวนมากด้วยจนอุดตันประตูบ้าน ตอนเช้าต้องออกจากบ้านทางหน้าต่าง บางทีลมแรงเป็นพิเศษ ทรายกลบบ้านจนเราสามารถที่จะเดินขึ้นหลังคาบ้านอย่างสบาย

เมื่อก่อน หมู่บ้านกวันจิ่งมีอีกชื่อหนึ่งว่า “หมู่บ้าน 1 ต้นไม้” เพราะทั้งหมู่บ้านมีต้นหลิ่วต้นเดียวเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่

หลังจากจีนดำเนินนโยบายการปฏิรูปเปิดสู่ภายนอก เมืองเอ่อร์ตัวซือ ออกนโยบายพิเศษที่ส่งเสริมประชาชนท้องถิ่นไปปรับปรุงระบบนิเวศของทะเลทรายคู่ปู้ฉี โดยกำหนดว่า ใครปลูกต้นไม้มากเท่าไหร่ก็จะได้เป็นเจ้าของพื้นที่ต้นไม้ของตนอย่างถาวร และสามารรถสืบทอดให้กับรุ่นหลังได้ด้วย

ปี 1986 คุณพ่อของนายกาว เอ่อหยูน นำสมาชิกครอบครัวนั่งเกวียนเข้าไปปลูกต้นไม้ในทะเลทราย การปลูกต้นไม้ในทะเลทรายเป็นเรื่องยากมาก ตอนแรกไม่ราบรื่น ต้นไม้อ่อนที่ปลูกในดินทรายจะโตขึ้นยากมาก แต่เขาไม่ท้อแท้ทำต่อ เพราะนี่เป็นความหวังของครอบครัว

เมื่อต้นไม้ต้นนี้ปลูกไม่ขึ้น ก็ปลูกอีกต้นหนึ่งมาแทน การใช้ความพยายามอย่างไม่ลดละเป็นเวลาหลายปี สุดท้ายประสบความสำเร็จ ครอบครัวของเขาปลูกต้นไม้และโตขึ้นเกือบ 70 เฮกต้าร์ และยังปลูกต้นหญ้าภายใต้ต้นไม้ เพื่อสามารถที่จะเลี้ยงแพะได้ด้วย สร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวนี้เป็นจำนวนมาก และทำให้กลายเป็น “บ้านที่มีรายได้หมื่นหยวนต่อปี” ครอบครัวแรกในหมู่บ้าน

ชาวบ้านของในหมู่บ้านเดียวกันเห็นเมื่อได้เห็น จึงพากันมาปลูกต้นไม้ในทะเลทราย ปัจจุบัน พื้นที่ทั้งหมด กว่า 20,000 เฮกต้าร์ของหมู่บ้านกวันจิ่ง มีกว่าครึ่งหนึ่งได้กลายเป็นพื้นที่ต้นไม้ “หมู่บ้าน 1 ต้นไม้ ” จากในอดีตกลายมาเป็นหมู่บ้านแห่งป่าไม้ในปัจจุบัน ต้นไม้ซาหลิ่วและต้นไม้เถอเถียวได้ช่วยให้กองทรายอยู่นิ่งอย่างมั่นคง

(Bo/Lin)

  • เสียงข่าวประจำวัน (18-04-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (18-04-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (18-04-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (17-04-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (17-04-2567)

何喜玲