หลี่ ซูฝู จากชาวนา สู่ ผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของเบนซ์ (1)
  2018-04-12 10:44:34  cri

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ กลุ่มบริษัท "จี๋ลี่"(Geely Auto) ของจีนประกาศว่า บริษัทในต่างประเทศของ "จี๋ลี่" ได้ซื้อหุ้น จำนวน 9.69% ของบริษัทเดมเลอร์เยอรมนี ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัทผลิตรถยนต์เมอร์เซเดส – เบนซ์ การซื้อหุ้นในครั้งนี้ ทำให้นายหลี่ ซูฝู เจ้าของกลุ่มบริษัท "จี๋ลี่" กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทเดมเลอร์เยอรมนี

ในประเทศจีน ผู้คนจำนวนไม่น้อยมีความฝันที่จะได้มีรถเบนซ์สักคัน และเป็นที่รู้กันในจีนว่า นายหลี่ ซูฝู เจ้าของกลุ่มบริษัท "จี๋ลี่" เป็น "คนบ้ารถยนต์" ซึ่งเค้าเลือกที่จะซื้อบริษัทแม่ของบริษัทผลิตรถเบนซ์

ประวัติของนายหลี่ ซูฝูเป็นมีความน่าสนใจ ถือได้ว่าเขาเป็นตัวแทนของนักธุรกิจใหญ่ รุ่นใหม่ของจีนปัจจุบัน

เมื่อปี 1963 นายหลี่ ซูฝู เกิดในครอบครัวชาวนาธรรมดาในอำเภอไถโจว มณฑลเจ้อเจียง ภาคตะวันออกของจีน เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมปลาย ก็ออกจากบ้านสร้างฐานะตัวเองตามกระแสความนิยมของวัยรุ่นจีนในสมัยนั้น

เริ่มแรก นายหลี่ ซูฝู ได้เปิดร้านถ่ายรูป มีลูกค้ามากพอสมควร แต่เขาเองก็ไม่คิดว่าธุรกิจนี้จะเติบโต เขาทำธุรกิจร้านถ่ายรูปเป็นเวลา 1 ปี ก็ปิดร้านไปทำธุรกิจใหม่ ปีนั้น นายหลี่ ซูฝูอายุ 21 ปี (ปี 1984) มีทรัพย์สินทั้งหมด 2 ,000 หยวน เวลานั้น ตู้เย็นถือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีขายน้อยมาก และราคาสูงในจีน แต่ก่อน นายหลี่ ซูฝูเคยขายชิ้นส่วนตู้เย็น และเห็นว่า เทคโนโลยีของตู้เย็นไม่ซับซ้อน สามารถที่จะประกอบเอง ก็เลยสร้างโรงงานผลิตตู้เย็น ปรากฏว่า ขายดีมาก ยอดขายภายใน 1 ปีประมาณ 50 ล้านหยวน หรือประมาณ 250 ล้านบาท นั่นคือ 30 ปีก่อน ที่เงินใหญ่กว่าปัจจุบันเกือบ 10 เท่า จนถึงปี 1989 มูลค่าการผลิตของโรงงานตู้เย็นเกินกว่า 10 ล้านหยวน นายหลี่ ซูฝูได้รับเงินก้อนใหญ่ก้อนแรกในชีวิตของเขา

ต่อจากนั้น รัฐบาลจีนปรับปรุงโครงสร้างการผลิต มีการออกนโยบายที่สั่งปิดโรงงานผลิตขนาดเล็กที่ก่อให้เกิดมลพิษค่อนข้างมากจำนวนหนึ่ง ซึ่งรวมถึง โรงงานของนายหลี่ ซูฝูด้วย เขาก็เลยปิดโรงงานและไปเรียนต่อที่เมืองเซินเจิ้นเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ของจีน เรียนวิชาการบริหารเศรษฐกิจ

ตอนที่เรียนหนังสือ เศรษฐกิจจีนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ประชาชนจีนรวยขึ้น และพากันซื้อบ้านใหม่ ตกแต่งบ้านใหม่ นายหลี่ ซูฝู เห็นถึงโอกาส ในการค้าวัสดุก่อสร้าง จึงรีบตั้งโรงงานผลิตวัสดุก่อสร้าง อีกไม่นาน โรงงานของเขาก็ได้ผลิตแผ่นอลูมิเนียมโค้งแบบแรกของจีน

เมื่อปี 1994 นายหลี่ ซูฝู สังเกตเห็นว่า ทั่วประเทศจีนมีโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์จำนวนมาก แต่ไม่มีการผลิตรถจักรยานยนต์ระดับหรู ก็เลยตัดสินลงทุนในด้านนี้ จัดตั้งกลุ่มบริษัท"จี๋ลี่"(Geely Auto) จนถึงปี 1998 สามรถผลิตรถจักรยานยนต์ 350,000 คันต่อปี นอกจากครองตลาดจีนแล้ว ยังส่งออกไปจำหน่ายยัง 28 ประเทศ

ปี 1999 นายหลี่ ซูฝู มีการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สร้างโรงงานผลิตรถยนต์เอง และกำหนดราคาประมาณ 30,000 หยวน หรือประมาณ 150,000 บาท ซึ่งนับเป็นข่าวใหญ่ของสังคมจีนในเวลานั้น เพราะรถยนต์ที่วิ่งตามถนนทั่วประเทศจีนในตอนนั้น ส่วนใหญ่เป็นรถต่างประเทศ และมีราคาสูงมาก

โชคดีที่ปี 2001 จีนยื่นเรื่องขอเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก สำเร็จ ราคารถยนต์ต่างประเทศในจีน รถยนต์ร่วมทุนที่ผลิตในจีน ตลอดจนรถยนต์ที่จีนผลิตเอง ต่างลดราคาลงเป็นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนจีนรู้ว่า เมื่อก่อนที่รถยนต์คันหนึ่งขายในราคาหลายแสนหยวน ปัจจุบัน รถยนต์หลายหมื่นหยวนก็ใช้ได้ดีเช่นกัน ซึ่งเป็นราคาที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ซื้อได้

ปีนั้น "จี๋ลี่"(Geely Auto) ขายรถยนต์ 30,000 คันในจีน และต่อมา ยอดการจำหน่ายสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ปี 2002 นายหลี่ ซูฝู มอบอำนาจบริหารให้กับผู้บริหารรุ่นใหม่ และกำหนดเป้าหมายใหม่ ปี 2005 "จี๋ลี่" ขายรถยนต์ได้ 300,000 คัน ยอดจำหน่าย 3,000 ล้านหยวน สร้างกำไร 200 ล้านหยวน

(Bo/Lin)

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040